ราชันแห่งยุโรป:เส้นทางตำนานของเรอัลมาดริดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับ Fun88 Sports

Posted by

ฟุตบอลคลับ (Real Madrid Club de Fútbol) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า เรอัลมาดริด หรือ ราชันชุดขาว เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) นับตั้งแต่ก่อตั้งยูโรเปียนคัพ (European Cup) ในปี 1955 เรอัลมาดริดได้คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกถึง 14 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ ต่อไปนี้คือเส้นทางการคว้าแชมป์ของเรอัลมาดริดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

เส้นทางการคว้าแชมป์ของเรอัลมาดริดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

ฤดูกาล 1955-56

real madrid 1955-56

คู่แข่ง: แร็งส์ (Stade de Reims)
สกอร์: 4-3
สถานที่: ปาร์กเดแพร็งส์, ปารีส (Parc des Princes, Paris)
เรื่องย่อ: ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพครั้งแรก เรอัลมาดริดชนะทีมแร็งส์จากฝรั่งเศส ด้วยการแสดงความสามารถยอดเยี่ยมของนักเตะอย่าง ดิ สเตฟาโน, มูนโญซ และ ริอัล ทำให้คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพเป็นครั้งแรก

ฤดูกาล 1956-57

real madrid 1956-57

คู่แข่ง: ฟิออเรนตินา (Fiorentina)
สกอร์: 2-0
สถานที่: สนามซานติอาโก เบร์นาเบว, มาดริด (Santiago Bernabéu Stadium, Madrid)
เรื่องย่อ: ในการแข่งขันที่สนามเหย้าของทีม เรอัลมาดริดคว้าแชมป์อีกครั้ง โดยการทำประตูของ ดิ สเตฟาโน และ เฮนโต้ ที่ช่วยให้ทีมชนะฟิออเรนตินา

ฤดูกาล 1957-58

real madrid 1957-58

คู่แข่ง: เอซี มิลาน (AC Milan)
สกอร์: 3-2 (ช่วงต่อเวลา)
สถานที่: สนามเฮย์เซล, บรัสเซลส์ (Heysel Stadium, Brussels)
เรื่องย่อ: การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้มีความดุเดือดมาก โดยในช่วงต่อเวลา เรอัลมาดริดเอาชนะเอซี มิลานด้วยการทำประตูของ เฮนโต้ ทำให้ทีมคว้าแชมป์เป็นครั้งที่สามติดต่อกัน

ฤดูกาล 1958-59

real madrid 1958-59

คู่แข่ง: แร็งส์ (Stade de Reims)
สกอร์: 2-0
สถานที่: สนามเนคคาร์, สตุ๊ตการ์ท (Neckarstadion, Stuttgart)
เรื่องย่อ: เมื่อพบกับแร็งส์อีกครั้ง เรอัลมาดริดแสดงความแข็งแกร่ง โดยการทำประตูของ มาเตออส และ ดิ สเตฟาโน ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เป็นครั้งที่สี่

ฤดูกาล 1959-60

real madrid 1959-60

คู่แข่ง: ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต (Eintracht Frankfurt)
สกอร์: 7-3
สถานที่: สนามแฮมป์เดน พาร์ก, กลาสโกว์ (Hampden Park, Glasgow)
เรื่องย่อ: การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนี้ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ พุสกัส และ ดิ สเตฟาโน ทำผลงานยอดเยี่ยมช่วยให้เรอัลมาดริดเอาชนะแฟรงค์เฟิร์ตและคว้าแชมป์เป็นครั้งที่ห้า

ฤดูกาล 1965-66

real madrid 1965-66

คู่แข่ง: ปาร์ติซาน เบลเกรด (Partizan Belgrade)
สกอร์: 2-1
สถานที่: สนามเฮย์เซล, บรัสเซลส์ (Heysel Stadium, Brussels)
เรื่องย่อ: หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากหลายปี เรอัลมาดริดกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง โดยการทำประตูของ อมานซิโอ และ เซเรน่า ที่ช่วยให้ทีมชนะปาร์ติซาน เบลเกรด

ฤดูกาล 1997-98

real madrid 1997-98

คู่แข่ง: ยูเวนตุส (Juventus)
สกอร์: 1-0
สถานที่: สนามอัมสเตอร์ดัม อารีนา, อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam Arena, Amsterdam)
เรื่องย่อ: ด้วยการทำประตูของ มิยาโตวิช ทำให้เรอัลมาดริดกลับมาคว้าแชมป์ยุโรปอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 32 ปี

ฤดูกาล 1999-2000

real madrid 1999-2000

คู่แข่ง: บาเลนเซีย (Valencia)
สกอร์: 3-0
สถานที่: สนามสตาดเดอฟรองซ์, ปารีส (Stade de France, Paris)
เรื่องย่อ: ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่เป็นทีมจากสเปนทั้งหมด เรอัลมาดริดทำผลงานยอดเยี่ยม โดยการทำประตูของ โมเรนเตส, แมคมานามาน และ ราอูล ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์อย่างง่ายดาย

ฤดูกาล 2001-02

real madrid 2001-02

คู่แข่ง: เลเวอร์คูเซ่น (Bayer Leverkusen)
สกอร์: 2-1
สถานที่: สนามแฮมป์เดน พาร์ก, กลาสโกว์ (Hampden Park, Glasgow)
เรื่องย่อ: ประตูวอลเลย์ของ ซีดาน ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ช่วยให้เรอัลมาดริดคว้าแชมป์เป็นครั้งที่เก้า

ฤดูกาล 2013-14

real madrid 2013-14

คู่แข่ง: แอตเลติโก มาดริด (Atlético Madrid)
สกอร์: 4-1 (ช่วงต่อเวลา)
สถานที่: สนามเอสตาดิโอ ดา ลุซ, ลิสบอน (Estádio da Luz, Lisbon)
เรื่องย่อ: ในช่วงเวลาปกติ รามอสทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้ในช่วงต่อเวลา เรอัลมาดริดสามารถทำประตูได้อีก 3 ประตูจาก เบล, มาร์เซโล และ คริสเตียโน โรนัลโด้ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 10

ฤดูกาล 2015-16

real madrid 2015-16

คู่แข่ง: แอตเลติโก มาดริด (Atlético Madrid)
สกอร์: 1-1 (ดวลจุดโทษ 5-3)
สถานที่: สนามซานซิโร, มิลาน (San Siro, Milan)
เรื่องย่อ: อีกครั้งที่เรอัลมาดริดเจอกับแอตเลติโก มาดริดในรอบชิงชนะเลิศ โดยหลังจากการเสมอกันในช่วงเวลาปกติและต่อเวลา เรอัลมาดริดชนะการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์สมัยที่ 11

ฤดูกาล 2016-17

real madrid 2016-17

คู่แข่ง: ยูเวนตุส (Juventus)
สกอร์: 4-1
สถานที่: สนามมิลเลนเนียม, คาร์ดิฟฟ์ (Millennium Stadium, Cardiff)
เรื่องย่อ: ด้วยการทำประตูของ คริสเตียโน โรนัลโด้ (2 ประตู), กาเซมิโร และ อาเซนซิโอ ช่วยให้เรอัลมาดริดชนะยูเวนตุสและคว้าแชมป์ได้สำเร็จ

ฤดูกาล 2017-18

real madrid 2017-18

คู่แข่ง: ลิเวอร์พูล (Liverpool)
สกอร์: 3-1
สถานที่: สนามโอลิมปิก, เคียฟ (NSC Olimpiyskiy Stadium, Kyiv)
เรื่องย่อ: ประตูของ เบนเซม่า และ เบล (รวมถึงประตูตีลังกายิงที่น่าจดจำของเบล) ช่วยให้เรอัลมาดริดชนะลิเวอร์พูลและคว้าแชมป์สมัยที่สามติดต่อกัน

ฤดูกาล 2021-22

real madrid 2021-22

คู่แข่ง: ลิเวอร์พูล (Liverpool)
สกอร์: 1-0
สถานที่: สนามสตาดเดอฟรองซ์, ปารีส (Stade de France, Paris)
เรื่องย่อ: ด้วยประตูของ วินิซิอุส และการทำหน้าที่ที่ยอดเยี่ยมของ คูร์กตัวส์ ช่วยให้เรอัลมาดริดชนะลิเวอร์พูลและคว้าแชมป์สมัยที่ 14

ฤดูกาล 2023-24

real madrid 2023-24

คู่แข่ง: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)
สกอร์: 2-0
สถานที่: สนามเวมบลีย์, ลอนดอน (Wembley Stadium, London)
เรื่องย่อ: ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เรอัลมาดริดชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ด้วยประตูของ โรดรีโก และ วินิซิอุส ทำให้ทีมคว้าแชมป์เป็นครั้งที่ 15 และยังคงเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

การคว้าแชมป์ของเรอัลมาดริดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนั้น ไม่เพียงแค่แสดงถึงความสามารถและการเล่นที่ยอดเยี่ยมของทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งทางจิตวิทยาและประสบการณ์ที่สั่งสมของสโมสรในแมตช์สำคัญ ๆ เหล่านี้ ชัยชนะที่สวยงามเหล่านี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างสถานะของเรอัลมาดริดในวงการฟุตบอลยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นตำนานที่ไม่มีวันจางหายไปในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก